ความจริงของการโจมตีด้วยมีด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเตรียมตัวและปฏิบัติในกรณีที่มีการใช้มีดทำร้าย ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่อันตรายที่สุดที่คุณอาจเผชิญได้
อ่านเพิ่มเติมวันอังคารที่ 3 ตุลาคม จะถูกจารึกไว้ในความทรงจำของหลายๆ คนในประเทศไทยตลอดไป เป็นวันที่เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมและความไม่เชื่อ ในวันแห่งชะตากรรมนี้ เด็กชายวัย 14 ปีเดินเข้าไปในศูนย์การค้าอันคึกคัก สยามพารากอน ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย พร้อมอาวุธ Glock 19 ที่บรรจุกระสุนเต็ม พร้อมกับเหตุการณ์ที่ตามมาได้ทิ้งร่องรอยแห่งความตายและการบาดเจ็บ ทำให้เราต้องต่อสู้กับ คำถามมากมายเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ที่นำไปสู่การกระทำอันน่าโหดร้ายนี้
การกระทำที่ไร้ความรู้สึก
ความวุ่นวายของเด็กชายเริ่มต้นขึ้นอย่างอันตราย เมื่อเขาเข้าไปในห้องน้ำชั้น M ของศูนย์การค้า และยิงเหยื่อรายแรกจนเสียชีวิตอย่างลึกลับ และทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกคนหนึ่ง สิ่งที่ตามมาคือเหตุกราดยิงกันทั่วร้านค้า โดยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปถึงสองรายซึ่งเป็นชาวต่างชาติและบาดเจ็บอีกห้าราย ในที่สุดตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ และเด็กชายก็ยอมจำนนโดยไม่มีการขัดขืน และยุติการอาละวาด
ความเข้าใจกับสิ่งที่คาดไม่ถึง
คำถามที่อยู่ในใจของทุกคนก็คือ: อะไรที่สามารถบังคับให้เด็กหนุ่มได้กระทำการที่โหดร้ายเช่นนี้ได้? เขาสามารถครอบครองอาวุธปืนและได้รับความรู้การยิงปืนเพื่อใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร? คำถามเหล่านี้ซับซ้อนและอาจไม่มีคำตอบที่ง่ายเลย
ความเข้าใจกับสิ่งที่คาดไม่ถึง
ในอดีตประเทศไทยมีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยและความเงียบสงบ แต่ในแต่ละเหตุการณ์ล่าสุดได้บดบังภาพความสวยงามนี้เมื่ออดีตตำรวจสังหารผู้เสียชีวิต 34 ราย รวมทั้งเด็ก 23 ราย ระหว่างก่อเหตุการใช้อาวุธมีดและปืนก่อเหตุอาละวาดที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อวันที่ 6 กันยายน ตุลาคม 2022 หนึ่งปีก่อนหน้าการโจมตีครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 โดยทหารบกผู้ไม่พอใจในระบบได้ก่อเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในศูนย์การค้าใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย หรือที่เรียกขานกันว่าโคราช ทหารนายหนึ่งได้ก่อเหตุกราดยิงและสังหารผู้คน 29 ราย บาดเจ็บ 58 ราย ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตในที่สุด
สุขภาพจิตและความรับผิดชอบของเด็กชายวัย 14 ปี
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือเด็กชายป่วยเป็นโรคทางจิตหรือไม่? แม้ว่าการตราหน้าใครก็ตามที่กระทำการอันน่าโหดร้ายดังกล่าวว่าเป็นอาการป่วยทางจิตอาจดูเป็นการดึงดูดใจ แต่การพิจารณาสภาพจิตใจของเขาในขณะที่เกิดการยิงจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินคดีทางกฎหมายหรือไม่?
นอกจากนี้ อายุของเด็กชายเพียง 14 ปี ยังทำให้เกิดคำถามว่าระบบกฎหมายจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร เขาจะถูกตัดสินจำคุก อยู่ในการดูแลของสถานพินิจเด็ก หรือส่งโรงพยาบาลจิตเวชหรือไม่? คำถามเหล่านี้ก่อให้เกิดความท้าทายที่สำคัญต่อระบบความยุติธรรมของประเทศไทย เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะไม่ได้รับโทษจำคุก ตามที่หลายคนคาดไว้ การพิจารณาเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์และความคิดเห็นที่หลากหลายในหมู่ประชาชน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ค้นหาคำตอบ
การทำความเข้าใจแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำนี้มีความสำคัญ ไม่เพียงแต่สำหรับกระบวนการทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจิตใจโดยรวมของเราด้วย มันเป็นผลมาจากความเจ็บป่วยทางจิต หรือปัญหาครอบครัว การดูวิดีโอเกมที่มีความรุนแรง หรืออิทธิพลของภาพยนตร์แอ็คชั่นหรือไม่? การเปิดเผยเครือข่ายปัจจัยที่ซับซ้อนที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นงานที่น่ากังวล แต่เป็นงานที่ครอบครัว เพื่อน และประชาชนทั่วไปของเหยื่อแสวงหาอย่างสิ้นหวัง
ภาพถ่ายวีดีโอการฝึกซ้อมลงบนโซเชี่ยล
ในวิดีโอบนโซเชี่ยลมีเดีย เห็นได้ชัดว่าเด็กชายวัย 14 ปีรายนี้กำลังฝึกซ้อมการยิงปืนอยู่ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีความคุ้นเคยกับอาวุธปืนอยู่บ้าง คำถามที่เกิดขึ้นคือคนที่อายุน้อยควรมีสิทธิ์เข้าใช้สถานที่ฝึกอบรมดังกล่าวหรือไม่? ในมุมมองของฉัน คำตอบคือสมควรต้องมีการควบคุมที่เข้มงวด ให้ฉันอธิบายเรื่องนี้อีกสักหน่อย ก่อนที่คุณจะประเมิณคำพูดนี้ของฉัน
การจัดการอาวุธปืนถือเป็นความรับผิดชอบอย่างยิ่งซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง ผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับการยิงปืนควรได้รับการส่งเสริมให้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่มีโครงสร้าง เช่น ชมรมยิงปืน ภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ผู้สอนผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ วิธีการนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าบุคคลจะได้รับการศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับความสามารถของอาวุธและความสำคัญอย่างยิ่งของความปลอดภัย หรือในกรณีนี้ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของหรือพกพาอาวุธ แต่จะต้องได้รับการจัดการอาวุธอย่างระมัดระวังที่ชมรมยิงปืน ตรงกันข้ามคือการอนุญาตให้ใครบางคน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เข้าถึงอาวุธโดยไม่มีความรู้หรือการศึกษา แล้วไปซื้ออาวุธในตลาดมืดเพราะพวกเขาไม่ได้มีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
การวาดภาพบนคู่ขนานกับการฝึกศิลปะการต่อสู้ บทเรียนแรกสุดเน้นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทุกครั้งที่เป็นไปได้ ในความเป็นจริง การฝึกอบรมเพิ่มเติมจะไม่สามารดำเนินการต่อไปได้จน กว่าคุณจะเข้าใจกฎพื้นฐานนี้ ในทำนองเดียวกัน การฝึกอาวุธปืนควรเริ่มต้นด้วยพื้นฐานทางทฤษฎีที่ครอบคลุม ผู้ที่จะเป็นนักยิงปืนต้องเข้าใจหลักการของความปลอดภัยของปืน เข้าใจความรับผิดชอบที่ตามมาพร้อมกับการเป็นเจ้าของอาวุธปืน และเข้าใจแนวคิดเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
สำหรับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี การควบคุมเหล่านี้ควรเข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าความพร้อมในการจัดการอาวุธปืนนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ความปลอดภัย ความรับผิดชอบ และการฝึกอบรมที่เหมาะสมควรควบคู่กันไปเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอาวุธปืน ที่เป็นอันตรายอย่างมาก
กฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวด
ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวต่างชาติที่พบว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับใบรับรอง P.12 ในการพกพาอาวุธ แม้จะมีกฎระเบียบเหล่านี้ เหตุการณ์ต่างๆ เช่น เหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอนก็ยังคงเกิดขึ้นต่อไป คำถามเกิดขึ้น: บุคคลควรได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองหรือไม่ และกฎหมายควรกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไร?
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องดูว่าประเทศอื่นๆ จัดการกับการควบคุมอาวุธปืนอย่างไร บางประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์และอิสราเอล ประสบความสำเร็จในการนำการเป็นเจ้าของปืนมาใช้โดยต้องมีการฝึกอบรมและความรับผิดชอบที่เข้มงวด ในทางตรงกันข้าม ประเทศเช่นสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญเกี่ยวกับความรุนแรงของปืนเนื่องจากกฎระเบียบที่ไม่เข้มงวดซึ่งเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐอเมริกา
ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรม
หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์เห็นคนใช้อาวุธปืนยิงคนอื่น คุณควรทำอย่างไร? นี่เป็นคำถามทางศีลธรรมที่ชั่งน้ำหนักคุณค่าของการแทรกแซงเพื่อช่วยชีวิตผู้คน คุณอาจจะโดน จากผลทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าการแทรกแซงเพื่อช่วยชีวิตคนนี้ อาจช่วยชีวิตผู้คนได้ แต่ก็อาจนำไปสู่การจำคุกได้เช่นกัน ในด้านข้อกฎหมายของประเทศไทยนี้ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
การถ่วงดุลสิทธิและความรับผิดชอบ
ความเชื่อส่วนบุคคลนั้นแตกต่างกันออกไป แต่หลายคนก็มีข้อโต้แย้งว่าการเป็นเจ้าของปืนอย่างมีความรับผิดชอบควรเป็นสิทธิของคนที่มีวุฒิภาวะสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ด้วยสิทธินี้มาพร้อมกับความรับผิดชอบในการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดและกว้างขวางพร้อมกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด คล้ายกับการสอบใบขับขี่รถยนต์
ความรุนแรงจากปืนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทยทำให้เกิดการพูดถึงทั่วประเทศเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและสิทธิส่วนบุคคล กฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเป็นเจ้าของปืนอย่างมีความรับผิดชอบ อาจเป็นหนทางข้างหน้า การตัดสินใจที่จะเข้าไปแทรกแซงในสถานการณ์ที่มีเหตุกราดยิงยังคงเป็นประเด็นขัดแย้งทางศีลธรรมและจริยธรรมที่ซับซ้อน ซึ่งบังคับให้บุคคลนั้น ต้องชั่งน้ำหนักคุณค่าของชีวิตมนุษย์เทียบกับผลกระทบทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ท้ายที่สุดแล้ว เส้นทางสู่สังคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับแนวทางที่รอบคอบและรอบรู้ในการควบคุมอาวุธปืนและความรับผิดชอบส่วนบุคคลของตัวท่านเอง
คู่มือการเอาตัวรอดหากตกอยู่ในสถานการณ์เหตุกราดยิงในศูนย์การค้า
หากคุณพบว่าตัวเองอยู่ในศูนย์การค้าระหว่างที่มีเหตุกราดยิง สิ่งสำคัญคือต้องจัดลำดับความสำคัญด้านความปลอดภัยของคุณและความปลอดภัยของผู้อื่น ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องปฏิบัติตาม:
- สงบสติอารมณ์: พยายามรวบรวมสติและสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด เพราะความตื่นตระหนกอาจทำให้การตัดสินใจของคุณผิดพลาดได้ วิ่ง: วิ่งออกมาจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด ทางบันไดหนีไฟ หรือทางออกที่ใกล้ตัวเราที่สุด
- ซ่อน: หากหนีไม่ได้ ให้หาที่ซ่อนที่ปลอดภัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอยู่นอกสายตาของผู้ยิงและให้หาการป้องกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (กำแพงทึบ ประตูที่ล็อคอย่างแน่นหนา ฯลฯ )
- ปิดเสียงโทรศัพท์ของคุณ: เปลี่ยนโทรศัพท์ของคุณเป็นโหมดปิดเสียงหรือสั่นเพื่อหลีกเลี่ยงการดึงความสนใจ และห้ามโพสต์สถานะตัวเองในขณะที่หลบซ่อนอยู่
- โทรขอความช่วยเหลือ: โทรหาบริการฉุกเฉินทันที (191 ในประเทศไทย) และแจ้งตำแหน่งของคุณและข้อมูลใดๆ รายระเอียดเกี่ยวกับมือปืนให้พวกเขาทราบเท่าที่จะทำได้
- อยู่เงียบๆ: ขณะซ่อนตัว ให้อยู่เงียบๆ และสนับสนุนให้ผู้อื่นทำเช่นเดียวกัน หลีกเลี่ยงการส่งเสียงดังที่อาจแจ้งเตือนผู้ยิงรู้ตำแหน่งของเรา
- ห้ามเปิดประตู: ห้ามเปิดประตูให้ใคร เว้นแต่คุณจะแน่ใจว่าเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพราะมือปืนอาจแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ให้คุณเปิดประตูได้
- วางแผนที่จะอพยพ: หากปลอดภัยและคุณมีโอกาสที่จะหลบหนี ให้พยายามอพยพ ปฏิบัติตามเส้นทางอพยพ หากมี แต่ควรระมัดระวังและตระหนักถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวให้มากที่สุด
- การต่อสู้หรือหากต้องเผชิญหน้าคือทางเลือกสุดท้าย: หากคุณไม่สามารถซ่อนหรือหลบหนีได้ การสู้กลับอาจจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
การมีอาวุธปืนใว้ครอบครองและการพกพาอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้หรือไม่?
เราควรที่จะสามารถเป็นเจ้าของอาวุธปืนและทำการพกพาให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่? คำถามเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของและการพกพาอาวุธปืนถือเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่ง และมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความปลอดภัยของสาธารณะ ปัจจุบัน มีบุคคลจำนวนมากครอบครองและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ แต่บ่อยครั้งความถูกต้องตามกฎหมายของการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นที่น่าสงสัย หลายคนอาจเป็นเจ้าของอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตที่จำเป็นในการพกพาออกนอกเคหะสถานณ์ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ที่พกพาอาวุธปืนอาจจะกระทำอย่างผิดกฎหมายนั่นเอง
โศกนาฏกรรมเมื่อเร็วๆ นี้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มตอกย้ำความง่ายดายที่บุคคลสามารถรับอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายได้อย่างง่ายดาย เพื่อเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการประเมินแนวทางนี้ในการแก้ไขปัญหานี้แบบใหม่อย่างครอบคลุม
เมื่อพิจารณาถึงความแพร่หลายของอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตในสังคมของเรา ทำให้เกิดคำถาม: เราควรพิจารณาระบบที่มีการควบคุมมากขึ้นที่อนุญาตให้บุคคลที่รับผิดชอบเป็นเจ้าของและพกพาอาวุธปืนได้หรือไม่? ระบบดังกล่าวจะต้องมีการจดทะเบียนอาวุธปืนอย่างเข้มงวด และการได้รับใบอนุญาตพกพา ซึ่งในทางกลับกัน จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมและการทดสอบที่ครอบคลุมจากหน่วยงานรัฐ
ประโยชน์ที่เป็นไปได้ของแนวทางนี้มีสองเท่า ประการแรก มาตรการนี้จะขจัดการปรากฏตัวของบุคคลที่มีความรู้ไม่ดีโดยบังเอิญถืออาวุธปืน โดยแทนที่พวกเขาด้วยเจ้าของปืนที่มีการศึกษาดีและมีความรับผิดชอบ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะได้รับการควบคุมมากขึ้นว่าใครสามารถครอบครองและพกพาอาวุธปืนได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลต่างๆ ได้รับการฝึกอบรมและความรับผิดชอบอย่างเพียงพอ
ประการที่สอง มันจะยกระดับสนามแข่งขันระหว่างพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมายและอาชญากร โอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับอาวุธปืนที่ได้มาอย่างถูกกฎหมายสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องปรามกิจกรรมทางอาญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาชญากรจะคิดให้รอบคอบก่อนก่อเหตุ อาชญากรรม โดยไม่แน่ใจถึงการตอบสนองที่พวกเขาอาจเผชิญจากเหยื่อที่ตั้งใจไว้
ในกรณีของเด็กหนุ่ม ระบบดังกล่าวอาจทำให้เขาต้องพิจารณาการกระทำของเขาอีกครั้ง โดยรู้ว่าอาจมีบุคคลจำนวนมากที่ติดอาวุธปืนที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตนเองและผู้อื่น การเปลี่ยนแปลงมุมมองนี้อาจลดอำนาจของบุคคลที่เชื่อว่าการพกพาอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายทำให้พวกเขามีอำนาจที่ไม่สมควร
โดยสรุป คำถามเกี่ยวกับการทำให้การเป็นเจ้าของอาวุธปืนถูกกฎหมายและการพกพานั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเป็นข้อโต้แย้ง แต่ก็รับประกันได้ว่าจะต้องพิจารณาอย่างจริงจังในแง่ของความแพร่หลายที่เพิ่มขึ้นของอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายและผลที่ตามมา การสร้างสมดุลระหว่างการเป็นเจ้าของปืนอย่างมีความรับผิดชอบ ความปลอดภัยสาธารณะ และสิทธิส่วนบุคคล ยังคงเป็นข้อถกเถียงที่กำลังดำเนินอยู่ แต่เป็นประเด็นที่มีความจำเป็นต่อความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมโดยรวม
ในการปิดท้ายนี้ ฉันอยากจะเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าต้นตอของเหตุการณ์โศกนาฏกรรมนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวปืนเอง แต่อยู่ที่บุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นั้นบางที หากมีกฎระเบียบเกี่ยวกับอาวุธปืนที่แตกต่างกันในประเทศของเรา เหตุการณ์ที่น่าโหดร้ายนี้อาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตน้อยลงและทำหน้าที่เป็นเครื่องยับยั้งการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แม้ว่าฉันยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโศกนาฏกรรมดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะใช้เวลาสักครู่เพื่อไตร่ตรองสถานการณ์ต่างๆ และมีส่วนร่วมในการอภิปรายที่มีความหมายว่าเราจะสามารถร่วมมือกันเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคตได้อย่างไร
อยู่อย่างปลอดภัย
